การปลูกเลี้ยง กล้วยไม้แซนเดอเรียน่า
Euanthe sanderiana [Rchb.f] Schlechter 1914 Photo by © Eric Hunt
กล้วยไม้ที่สวยงามชนิดนี้ เป็นกล้วยไม้จากฟิลิปปินส์ ซึ่ง การค้นพบกล้วยไม้ที่น่าสนใจชนิดนี้ครั้งแรกเป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ได้มีการบันทึกรายละเอียดเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ได้กล่าวถึงกล้วยไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกๆใน Ather Swinson’s “Fredrick Sander,The Orchid King” ได้กล่าวถึง กล้วยไม้ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีดอกขนาด ๔-๖นิ้วมีสีสรร สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสีชมพู ม่วงและสีน้ำตาลช็อกโกเลต กล้วยไม้ชนิดนี้โดยปรกติทั่วไปจะมีดอก ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และบานได้ถึงช่วงปลายของเดือนตุลาคม
แสง
กล้วยไม้ชนิดนี้ชอบแสงปานกลางถึงแสงค่อนข้างมากประมาณ ๖o-๗o% หากเลี้ยงในโรงเรือนปิด ต้องมีแสงสว่างประมาณ๒๕oo-๕ooo แรงเทียนแต่ก็ไม่สามารถงอกงามได้ดีเหมือนแสงธรรมชาติ เมื่อใช้แสงจาก หลอดไฟ หากปลูกในบ้านควรจัดวางไว้ที่ใกล้หน้าต่างที่ได้แสง พอเพียง
อุณภูมิ
กล้วยไม้ชนิดนี้ เป็นกล้วยไม้จากเขตร้อนชื้นตามธรรมชาติ ไม่ชอบอากาศเย็นจัดที่อุณภูมิลดต่ำมากจนเกินไป สามารถปลูกได้ดีตั้งแต่อุณภูมิที่๒o-๔o องศาเซลเซียส
ความชื้น
ความชื้นก็มีผลสำคัญต่อการเจริญเติบโต ของกล้วยไม้ ควรรักษา ระดับความชื้นในอากาศที่ปลูกเลี้ยงไว้ไม่ให้ต่ำกว่า ๖o % หรืออาจสูงกว่านั้นได้ หากอากาศร้อนหรือแห้งจัดมาก สามารถรดน้ำที่พื้นเพื่อเพิ่มความชื้นตอนกลางวัน
การรดน้ำ
ควรใช้น้ำที่สะอาดเช่นน้ำฝน ,น้ำประปา หรือน้ำที่สะอาดอื่นๆ รดวันละครั้ง ค่าความเป็นกรดด่างขอน้ำ( PH) ควรอยู่ที่๗.๕ หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย ในช่วงฤดูร้อนไม่ควรปล่อยให้ ต้นกล้วยไม้ แห้งหรือขาดน้ำ จนเกินไป เพราะกล้วยไม้ชนิดนี้เป็นกล้วยไม้รากอากาศ ในฤดูฝนควรเว้นระยะให้กล้วยไม้ได้แห้งบ้าง และไม่จำเป็นต้องรดน้ำเพิ่มในช่วงที่มีฝนตกหนัก
การให้ปุ๋ย/ยา
ใช้ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำที่ใช้สำรับกล้วยไม้ ใช้สูตรเสมอ ๒๑-๒๑-๒๑ เป็นหลัก ใช้ช่วงเข้าฤดูฝน ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีตัวกลาง และตัวท้ายสูงเช่น ๑o-๕๒-๑๗ หรือ๑๑-๒๑-๒๗ ละลายน้ำ ฉีดพ่นตามอัตรา ส่วนที่ระบุไว้ข้างภาชนะ ยาป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช(ยาฆ่ารา,ยาฆ่าแมลง) ใช้เดือนละ ๑-๓ครั้ง สลับกันหรือเพิ่มเมื่อพบอาการของโรคแมลงใช้ตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ข้างฉลาก หรืออาจลดอัตราส่วนให้เจือจางลงเล็กน้อยได้ ช่วงรอยต่อของการเปลื่ยนฤดู ควรพ่นสารจำพวก แคปแทน , แมนโคแซบ เพื่อป้องกันโรคจากเชื้อรา
การออกดอก
ฤดูดอกอยู่ในช่วงเดือน กรกฎาคม –ตุลาคม ในช่วงระยะแทงดอกและยืดช่อ การให้แสงน้อยเกินไป และการให้น้ำมากหรือน้อยเกินไป อาจทำให้ช่อดอกสั้นลงหรือก้านช่อดอกคดงอ จำนวนดอกน้อยและไม่สมบูรณ์
การดูแลเปลื่ยนกระถางและเครื่องปลูก
เมื่อรากแห้งเสียควรตัดแต่งและเปลื่ยนเครื่องปลูกและภาชนะทันที ที่หมดสภาพผุพัง หรือเกิดวัชพืชหรือเชื้อราจำนวนมากในเครื่องปลูก ระยะเวลาการเปลื่ยน ช้าเร็ว ขึ้นอยู่กับการดูแลและ สภาพแวดล้อม ในแต่ละพื้นที่ ควรเลือกใช้เครื่องปลูกที่โปร่ง และเก็บความชื้นได้ดี พอควรเช่น ถ่าน(ที่แช่จนจมน้ำแล้ว) , อิฐทุบ , เปลือกสน ,รากเฟินชายผ้าสีดาหั่นเป็นชิ้นๆ ฯลฯ
อ้างอิง
- Cootes, Jim.2001. The Orchids of Philippines.Singapore:Times Edition.ISBN 981 232 100 4.
- Fessel H.H. and Peter Belzer. 1999.A Selection of Native Philippines Orchids. Times Editions. Singapore.
- Golamco, Andres S.1991 . Philippines’s Book on Orchids. Jemma Inc. Publishing Group, Cainta, Rizal, Philippines.
- Valmayor , Helen L.1984. Orchidiana Philippiniana . Eugenio Lopez Foundation, Inc. Manila , Philippines.
- Valmayor , Helen L(Ed.) 1981. The Complete Writings of Dr. Eduardo A. Quisumbing on Philippines Orchids. Eugenio Lopez Foundation, Inc. Manila , Philippines.
Page Select [ 1 of 3 ]
← กลับไปก่อนหน้านี้
1 | 2 | 3