มันม่วงโอกินาว่า OKINAWA BENI IMO
มันม่วงโอกินาว่า นับได้ว่าเป็นมันเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา ชาวโอกินาว่าจะเรียกมันที่มีเนื้อสีม่วงว่า “เบนิอิโมะ” เช่นเดียวกับที่เราเรียกมันที่มีเนื้อสีม่วงว่า “มันม่วง”
เบนิอิโมะ ได้ถูกนำเข้ามายังเกาะโอกินาว่าจากจังหวัดฝูเจี้ยน ประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 1605 โดยหน่วยงานควบคุมพืชผักของประเทศ (Nouguni-Soukan) ด้วยลักษณะพื้นดินของโอกินะว่าเป็นชั้นดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดี การทำนาหรือปลูกข้าวจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก เมื่อมันม่วงจากจีนนี้เดินทางมาถึงและผ่านการทดลองพยายามปลูก ชาวโอกินาว่าก็พบว่าผักชนิดนี้มีความทนต่อสภาพอากาศพายุที่รุนแรงของเกาะได้ดีและยังเติบโตให้ผลผลิตได้อย่างไม่มีปัญหา นั่นทำให้การปลูกเบนิอิโมะแพร่หลายมากขึ้น
ภาพประกอบ : มันเผา เบนิอิโมะ ที่จังหวัดโอกินาว่า
การปลูก เบนิอิโมะ เริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นบนเกาะโอกินาว่าและเริ่มสอดแทรกเข้าไปอยู่ในเรื่องของอาหารการกินและรวมไปถึงขนมมากมาย ปัจจุบันมันกลายเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญและมีชื่อเสียงโด่งดังของโอกินาว่า
แต่ทว่า การปลูกมันม่วงเบนิอิโมะหรือ มันม่วงโอกินาว่า ไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดฝันไว้ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นประกอบด้วยลมมรสุมมากมายมันจึงเป็นสถานที่ที่ดีในการเพาะเลี้ยงแมลงศัตรูพืชที่ร้ายกาจเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ “โซ-มูชิ” หรือในไทยเรารู้จักกันในชื่อ “ด้วงมันเทศ”
แม้หลาย ๆ พื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยด้วงงวงมันเทศ(พื้นที่ที่ไม่มีด้วงมันเทศ 100%) แต่โอกินว่าไม่ใช่ โอกินาว่าและเกาะพื้นที่ใกล้เคียงล้วนเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยศัตรูพืชทางการเกษตรมากมายไม่แพ้กับประเทศไทย ไม่เพียงแต่ด้วงมันงวงมันเทศเท่านั้นแต่ยังมีพวกปรสิทที่เข้าทำลายพืชพรรณต่าง ๆ ในดินรวมอยู่ด้วย อย่างที่ปรากฏในภาพ รูเล็ก ๆ ที่หัวมันเกิดจากด้วงงวงมันเทศที่พยายามเจาะหัวมันเพื่อวางไข่
ด้วยเหตุนี้นี่เอง โอกินาว่า เกาะสวรรค์ของชาวญี่ปุ่นจึงเต็มไปด้วยข้อห้ามมากมายในการนำออกพืชผักหลากหลายชนิด หากใครเคยไปยังเกาะโอกินาว่าและได้ลองขอซื้อ มันม่วงโอกินาว่า แบบดิบ ๆ พ่อค้าแม่ขายทั้งเกาะต่างก็จะให้ความร่วมมือและพูดกับชาวต่างชาติแบบเราด้วยสำเนียงญี่ปุ่นทันทีว่า “No!No!No!” พร้อมกับชี้ไปที่ป้ายห้ามนำออกพืชผักที่กำหนด (ป้ายนี้มีแขวนอยู่ทุกร้าน บางร้านจะเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวสีแดงชัดเจน)
ภาพประกอบ : ป้ายห้ามนำพืชผักเหล่านี้ออกจากเกาะ
เมื่อหลายปีก่อน มีการอนุโลมให้นักท่องเที่ยวบางประเทศ เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง สามารถซื้อและนำหัวมันเบนิอิโมะกลับประเทศได้ แต่ในปัจจุบันมีการควบคุมเข้มงวดมากขึ้นหลายเท่า มันม่วงโอกินาว่า จึงไม่สามาถซื้อหัวดิบเพื่อนำขึ้นเครื่องได้
ด้วยกฏบังคับที่เข้มงวด โอกินาว่า จึงกลายเป็นเกาะที่มีความเครียดที่สุดในประเทศญี่ปุ่นที่จะนำส่งออกพืชผักไปจำหน่ายยังพื้นที่เกาะใหญ่ แต่กฏก็มีบังคับเฉพาะพืชผักที่ยังเป็นของสดเท่านั้นแต่หากนำไปแปรรูปแล้วก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ชาวโอกินาว่าที่ไม่ยอมแพ้จึงได้ใช้ช่องทางนี้แปรรูปพืชผักที่มีค่าของตนให้อยู่ในรูปสินค้าขนมขบเคี้ยวอันน่าเอร็ดอร่อย มันม่วงโอกินาว่า หรือ เบนิอิโมะ ที่ภาคภูมิใจของชาวโอกินาว่าจึงถูกนำไปสร้างเป็นขนมน่าทานมากมายและกลายเป็นสินค้าแบรนด์โด่งดังจนใครหลายคนที่เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ต้องซื้อมาลิ้มลอง
ภาพประกอบ : ขนมที่มีการนำมันม่วงโอกินาว่าเข้ามาประยุคต์ใช้จนกลายเป็นของน่าทานมากมายบนเกาะโอกินาว่า
บทความและรูปภาพอ้างอิงจาก
http://okinawanorekishi.net/culture/beniimo
http://okinou.ti-da.net/e9911749.html
htt p://www.matuno.co.jp/vegeful/category/journal01/25656.html
http://www.vill.nakagusuku.okinawa.jp/UserFiles/File/mochidasinituite.pdf