การออกขวดกล้วยไม้ และ การดูแลลูกไม้หลังออกขวด
การออกขวดกล้วยไม้ หมายถึง กระบวนการนำกล้วยไม้ที่ขวดที่ได้จากการเพาะพันธุ์เทียม มาทุบขวดให้แตกออกและนำลูกไม้ในขวดมาผึ่งและปลูกใหม่ในภาชนะใหม่ ที่เหมาะสมกับชนิดของกล้วยไม้ชนิดนั้น ๆ ซึ่งมีผลทำให้ กล้วยไม้เติบโตได้ตามปกติในสภาพแวดล้อมภายนอก
จะรู้ได้อย่างไรว่ากล้วยไม้ของเรา พร้อมออกขวดแล้ว !
กล้วยไม้ที่พร้อมออกขวดแล้วนั้น จะมีขนาดใบที่ยาวชนกับเพดานขวด หากพลิกดูก้นขวด จะพบว่า รากของกล้วยไม้นั้น ขดแน่นอยู่เต็มขวด หรือ ในขวดมีปริมาณวุ้นน้อยลง ไม่เพียงพอแก่ลูกไม้ในขวด
****กรณีที่ต้องออกขวดก่อนเวลา****
๏ ลูกไม้ ไม่ยอมโต ถึงแม้จะทิ้งไว้ในขวดนานแล้ว กรณีนี้ให้คิดเลยว่า วุ้นใช้ไม่ได้ นำออกมาเลี้ยงด้านนอกจะดีกว่า
๏ ลูกไม้ในขวดเริ่มมีอาการใบช้ำ หรือ เน่า
๏ ในขวดมีเชื้อรา สีขาว ๆ หรือ สีดำ ปะปน
๏ ลูกไม้ในขวด พลิกคว่ำ วุ้นแตกกระจาย ไม่เป็นกลุ่มก้อน
กรณีที่กล่าวถึงข้างต้น ให้เรานำกล้วยไม้ออกขวดได้เลย โดยไม่ต้องรอให้ต้นกล้วยไม้ชนขวดครับ หากรีรอ เหตุการณ์ที่ตามมาคือ ตายยกขวด แน่นอนครับ

ถึงเวลาลงไม้ลงมือกันแล้วครับ ให้เตรียมอุปกรณ์ง่าย ๆ ดังนี้
1. ตะกร้า กี่ใบก็ได้ เอาไว้ผึ่งลูกไม้ครับ
2. ลวดเกี่ยว (ใช้กรณีออกขวดหวาย หรือแวนดาที่รากไม่พันกันจนยุ่งเหยิง )
3. ฆ้อน ไม่ต้องใหญ่มาก เอาแค่ทุบขวดแตกได้เป็นโอเคครับ
4. หนังสือพิมพ์ เอาไว้พันขวดตอนทุบครับ ป้องกันไว้
5. ขาดไม่ได้เลย ไม้ขวดที่จะนำมาออกขวด
6. ลืมเก็บภาพมาครับ กะละมัง หรือถังน้ำก็ได้ ....
เอาละ มาเริ่มออกขวดกันเถอะ !
ก่อนอื่น ให้เปิดฝาจุกไม้ขวดออกก่อนครับ แล้ววางทิ้งไว้ในสภาพโรงเรือนสักประมาณ 30 - 40 นาที หรือจะลืมไว้เป็นชั่วโมงก็ได้ครับ แต่อย่าลืมออกขวดละ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกไม้ปรับสภาพกับอากาศด้านนอกก่อนครับ จากนีลุย !
สำหรับการผึ่งในตะกร้านั้น ให้ทำเฉพาะกลุ่มพวกสกุล แวนดา สกุลช้าง สกุลเข็ม สกุลรีแนนเทอร่า เอาง่าย ๆ
พวกที่มีลำต้นตั้งตรงใบซ้อนกันเป็นรูปตัว V เหมือนอย่างช้าง กับ แวนดา ถือว่าใส่ตะกร้าไว้ก่อนครับ ทิ้งในตะกร้า
ราว ๆ 5-8 เดือน เพื่อให้แตกตารากใหม่ ระหว่างรอนี้ให้ปุ๋ยเบา ๆ อย่าง 30-20-10 สลับกับ สูตรเสมอ เพื่อให้ลูกไม้โต
เร็ว ขึ้น เมื่อแตกรากสวยโตได้ที่แล้วจึงค่อยนำหนีบลงกระถางนิ้วครับ หรือถ้าใจร้อนจะหนีบเลยก็ได้ครับ ที่ต้องนำ
มาผึ่งลงในตะกร้าก่อนก็เพราะว่ามันประหยัดพื้นที่ปลูกเท่านั้นเองครับ...
สำหรับสกุลรองเท้านารี ให้ปลูกลงในตะกร้า ที่มีเครื่องปลูกเตรียมไว้ได้เลยครับ แต่ว่าปริมาณเครื่องปลูกต้องพอเหมาะพอดีกับขนาดของกล้วยไม้ด้วย ถ้าต้นเล็กก็ให้ใช้ภาชนะเล็ก ๆ เครื่องปลูกไม่มาก ตามกันไป หากปลูกในกระถางหรือตระกร้าที่มีพื้นที่ใหญ่เลย รับรองว่าเน่ายกเข่งแน่นอนครับ เหตุที่เน่าก็เพราะความชื้นในเครื่องปลูกมากเกินนั่นเอง !
กรณีของพวกเอื้องสาย และ ฟาแลน ให้หนีบลงนิ้วได้เลย อย่าผึ่งในตะกร้า ไม่เช่นนั้น รากแห้ง ตาย ไม่เหลือครับ
อ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าผมเอาลวดเกี่ยวมาทำอะไร มาดูกันต่อเลยดีกว่าครับ ภาพด้านล่าง
ขั้นตอนนี้เป็นการนำลวดมาเกี่ยวลูกไม้ออกจากขวด จะทำได้ก็ต่อเมื่อรากขวดลูกไม้ในขวดไม่พันกันแน่นจนเกินไปครับ วิธีนี้มีข้อดีคือ สามารถนำขวดไปขายต่อได้ เทคนิคเพิ่มเติม ให้เรานำปลายลวดเกี่ยวไปชุบน้ำตาเทียนเสียก่อนครับ เพื่อไม่ให้คมลวดบาดลูกไม้ วิธีนี้มีข้อเสียคือช้า ผู้ออกขวดต้องใจเย็นสุด ๆ ครับ อ่อ ก่อนจะเกี่ยวก็ให้ใส่น้ำเข้าไปในขวดเช่นกันนะครับ เพื่อให้วุ้นหลุดจากลูกไม้ได้โดยง่ายครับ
การดูแลกล้วยไม้ภายหลังออกขวด
ลูกไม้ที่ออกจากขวดนั้น ไม่ว่าชนิดไดก็ตามเปรียบได้ดั่งเด็กทารกแรกเกิด ซึ่งเดิมที กล้วยไม้ที่อยู่ในขวดจะได้รับความชื้น 100% ทันทีที่ออกจากขวดแล้ว ลูกไม้ต้องทนรับสภาพกับบรรยากาศภายนอกที่มีมวลอากาศหลากหลาย และความชื้นที่ไม่ตายตัว ดังนั้นลูกไม้จึงต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวพอสมควรเลยทีเดียวครับ
หากคุณไม่ได้ซื้อลูกไม้ที่ต้องเลี้ยงในสภาพอากาศเย็น ต้องมีลมโกรกตลอดเวลาแล้วละก็ การดูลูกไม้หลังจากออกขวดนั้นก็เป็นเรื่องง่ายดายครับ เพียงจับเคล็ดง่าย ๆ ดังนี้
๏ เมื่อออกขวดแล้ว หากเป็นหวาย ให้จับหนีบนิ้วทันที เพราะกล้วยไม้จำพวกหวายหากแห้งมาก มันก็จะเหี่ยว
และตายครับ กล้วยไม้จำพวกหวายนั้นแห้งง่ายมาก ต้องระวังครับ หากเป็นแวนดา เข็ม ช้าง หรือกล้วยไม้ที่มีใบ
เป็นทรง V จะผึ่งในตะกร้า หรือ หนีบนิ้วก็ได้ ส่วนรองเท้านารี และ ซิมบิเดียมต้องปลูกลงในตะกร้าที่มีเครื่องปลูก
ของรองเท้าในสัดส่วนที่พอเหมาะ
๏ ลูกไม้ ควรให้ปุ๋ยที่เจือจางกว่าไม้ที่แข็งแรงแล้ว เหมือนเด็กอ่อนครับต้องกินแต่นมไม่ก็อาหารสูตร หากจะให้ฮอ
โมนเสริมด้วยก็ให้เจือจางเช่นกัน
๏ การให้น้ำ รดน้ำเพียงเวลาเดียวเช่นเดียวกับการให้น้ำกล้วยไม้ทั่วไป โดยรดให้เป็นละอองคล้ายกับ
สเปรย์ หรือ ละอองเบา ๆ หากลูกไม้มีไม่มากจะใช้ฟอกกี้ฉีดก็ได้ครับ
๏ หากเป็นไปได้ควรอยู่ในที่ที่มีหลังคากันฝน หลังคาต้องไม่ทึบมาก มีแสงลอดผ่านได้
๏ ห้ามวางลูกไม้ตากแดดที่แรงจัด หรือ นำไปแขวนในจุดที่ที่มีแสงแดดตอนกลางวันสาดส่องถึง หรือ สถานที่ที่ร้อน
จัด มิเช่นนั้น ลูกไม้จะถูกย่างจนสุกได้
๏ พึงระวัง หนู หอยทาก และแมลงกินพืชต่าง ๆ ให้ดี มิเช่นนั้นลูกไม้จะตกเป็นอาหารอันโอชะของมันได้ครับ
๏ กรณีรองเท้านารี ระวังอย่าถูกฝนจัง ๆ บ่อย ๆ ไม่เช่นนั้น โรคเน่าจะถามหา
๏ สำหรับคาลันเท แรก ๆ ลูกไม้อาจจะทิ้งใบไม่เหลือหลอ อย่าเพิ่งทิ้ง รอสักพักเมื่อหัวคาลันเทพักตัวได้ดีแล้วจะผลิ
ใบใหม่เอง
หลังจากประคบประหงมไปสักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นลูกไม้แตกรากใหม่ หรือใบใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นละก็ ยินดีด้วยครับ คุณผ่านขั้นประฐมฤกแล้ว ถัดจากนี้จะเป็นขั้นตอนที่ยิ่งลุ้นระทึกยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ